12.30.2554

A Year in the Life of a Gamer (2/2)

(ทำไมเมื่อวานรู้สึกเหมือนจะเขียนไปเยอะ แต่พอกลับมาดูแล้ว มันไม่ยาวเลย)

มาลุยกันต่อ รายชื่อเกมที่เล่นผ่านมาใน 1 ปี

SEPTEMBER - OCTOBER 2011 : GTA 4 & GTA 4 Episodes from Liberty City 


เดือนนี้พิเศษหน่อยเพราะไปนั่งเล่นเกมกับคันจุ๊ คันจุ๊ก็จะเล่นแต่ "จี" เท่านั้น หลังจากได้ 1 ก๊อปปี้สุดถูกมาจาก Steam (8 ยูโรสำหรับ GTA 4 Complete Pack) ก็เลยได้โอกาสเล่นซะที เราเริ่มต้นด้วย The Lost and Damned เป็นเกมที่ใช้เวลานานที่สุดจาก 3 เกม เพราะว่าทั้งสองคนไม่ได้เล่น GTA กันมาหลายปีแล้ว เล่นครั้งสุดท้ายตอน GTA 4 ออกใหม่ๆ ตอนปี 2009 (โห 2 ปีแล้วหรือเนี่ย) ใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์ถึงจะจบ จากนั้นเราก็ต่อด้วย The Ballard of Gay Tony ใช้เวลากันประมาณ 1 อาทิตย์ พอเทียบ DLC 2 ตัวนี้แล้ว The Ballard of Gay Tony ภารกิจหรูแฝ่กว่า แต่ตัวเกมรวมๆ ง่ายกว่าและสั้นกว่า (มั๊ง เพราะเล่นจบได้เร็วกว่า แต่อาจจะเป็นเพราะมีเวลาเล่นเยอะกว่าก็เป็นได้ - ทุกอย่างที่เขียนในบล็อกนี้ไม่ชัวร์ทั้งนั้น เพราะเขียนมาจากความทรงจำ)

จากนั้นคันจุ๊ยังไม่หายมัน ก็เลยเอาภาค 4 มาเล่นต่อ (กลับมาเจอพี่ Niko Bellic อีกครั้ง) แต่ว่าเล่นไปได้ประมาณ 1/4 ของเรื่องปรากฏว่าเล่นต่อไม่ได้ เพราะว่าชินกับระบบเซฟใหม่ของภาคเสริมทั้ง 2 ภาคไปแล้ว ของภาคพี่นิโก้คือ ถ้าตายในมิสชั่น จะต้องไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นมิสชั่น แต่ภาคใหม่จะมีเซฟพอยท์ให้เป็นจุดๆ ถ้าตายในมิสชั่นอาจจะมาเริ่มตรงเซฟพอยท์ได้ เนื่องจากด้วยความกระจอกต้องช่วยกันเล่น 2 คน แถมตายบ่อยๆ ทำให้หมดแรงใจจะเล่นภาคพี่นิโก้กันเลยทีเดียว  


ไปขุดรูปจากบล็อกเก่าๆ มาให้ดู สำหรับคนที่คิดไม่ออกว่า GTA เล่นกันยังไง 2 คน ก็เป็นประมาณภาพนี้แหละ จนปัจจุบันก็ยังเล่นแบบนี้อยู่

REST OF THE YEAR

จะหาว่าอู้ก็ว่าได้ แต่ว่าที่เหลือ จำช่วงเวลาไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าเล่น
  • Zuma Blitz : เกมบน Facebook เกมนี้เล่นทั้งปี ทุกครั้งที่โทรศัพท์หาคนอื่น เพราะว่าเวลาเล่น ใช้ประมาณ 1/8 ของสมอง ทำให้สมองส่วนที่เหลือสามารถสร้างบทสนทนาทางโทรศัพท์ได้
  • PES 2009 : เล่นทุกครั้งที่เวลาผลการแข่งขันของอาร์เซน่อลไม่ได้อย่างใจ โดยเฉพาะช่วงเปิดฤดูกาลที่ผ่านมา อัพเดททีมอาร์เซน่อลเหมือนทีมปัจจุบันเด๊ะ แต่ไม่ยอมอัพเดททีมอื่น และไม่ยอมซื้อเวอร์ชั่นใหม่มาเล่นด้วย เพราะว่าในเวอร์ชั่นนี้โรซิสกี้กับอาร์ชาวินยังเทพอยู่ 
  • The Legend of Zelda : The Minish Cap & Super Mario Bros. 3 : เกม GBA เอามาเล่นใน NDS รุ่นแรกหนาเตอะ กะว่าจะเขียนในบล็อกด้วย แต่ว่าไม่รู้จะแคปภาพจากเกมยังไง ไปๆ มาๆ เลยลืมไปเลย (แถมหนีไปวาดคันจุ๊อั๋นอยู่พักนึงด้วย) สำหรับเซลด้าตอนนี้นินเทนโด้ออก Timeline มาใหม่ มั่วรึเปล่าไม่รู้ใครอยากดูไปดูได้ที่ Kotaku  
  • Diablo 2 : ตอนแรกของบล็อกนี้ สรุปเล่นไปได้ประมาณกลางๆ บทที่ 2 แล้วเปลี่ยนคอมที่ทำงาน เลยไม่ได้เล่นอีกเลย เพราะยังไม่ได้ลงในคอมใหม่ (เกมนี้เน้นแอบเล่นที่ทำงานตอนดึกๆ)
  • Angry Birds : เล่นไปจนจบเท่าที่จะเล่นฟรีบน Chrome ได้ ปัจจุบันเลิกเล่นแล้ว
สรุป ปีนี้เล่นไป 21 เกม มาเน้นเล่นเยอะตอน 2 อาทิตย์ก่อนสิ้นปีเพราะจะมาเอาของรางวัลนี่แหละ บล็อกเรามาแจก Game of The Year กันมั่งดีกว่า เห็นคนอื่นแจกกันไปเยอะ  เกมที่เล่นแล้วสนุกที่สุดในปีนี้ได้แก่
.
.
.
.
.
.
.
.
The Legend of Zelda : The Minish Cap 


12.29.2554

A Year in the Life of a Gamer (1/2)

   หัวข้อเรื่องวันนี้ยืมมาจากวีดีโอของ Gamespot ว่าในปีที่ผ่านมาเกมเมอร์คนนึงมีเกมอะไรเล่นบ้าง ใครอยากดูไปดูกันได้ที่นี่นะครับ



  ผมก็เลยหาเรื่องมาอัพบล็อก มาลองดูกันว่าปีที่ผ่านมา ผมได้เล่นเกมอะไรกันมาบ้าง เนื่องจากไม่ได้จดบันทึกไว้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เลยมานั่งนึกย้อนจากเกมล่าสุดที่เล่น ไปจนช่วงต้นๆ ปีแล้วกันนะ (จำได้รึเปล่าก็ไม่รู้)

29 Dec 2011 : เกมล่าสุดที่เล่น "The Binding of Isaac" 

  ช่วงนี้เป็นช่วงล่า Steam - The Great Gift Pile (กิจกรรมล่า-แลกของรางวัลจาก Steam รวมทั้งช่วงนี้เป็นช่วงเกมในสตีมลดราคาอีกด้วย) นอกเรื่องนิดนึง จากการร่วมมือของผมกับคันจุ๊ ทำให้ตอนนี้เราได้ถ่านมา 20 ก้อน และคูปองลดราคา (ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะใช้ได้หลังจากหมดช่วงลดราคาแล้วเท่านั้น) มาอีก 11 ใบ ข้อดีของถ่านคือ ถ่าน 7 ก้อนสามารถเอาบดขยี้ขยำเป็นของรางวัลได้ คันจุ๊ขยำ 2 ครั้ง ได้เกมมา 2 เกม (The Witcher กับ Dota2) ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ เพราะว่าโอกาสที่ขยำแล้วกลายเป็นคูปองลดราคาสูงมาก ตอนนี้เราขาดถ่านอีก 1 ก้อน คันจุ๊ก็จะได้ขยำอีกรอบ ลองดูสิว่ารอบนี้ คันจุ๊จะขยำได้เกมอีกมั๊ย

   The Witcher ผมก็จัดการจัดเข้าแอคเคาท์ ส่วนดอทเอ 2 เทรดไปแล้วเพราะ โดยส่วนตัว เกมออนไลน์เล่นแต่ Zuma Blitz เท่านั้น

   กลับมาที่ The Binding of Isaac เกมสไตล์เซลด้าภาคแรกยุคแฟมิค่อม อาจจะยากกว่านิดหน่อยด้วยเพราะ ต้องใช้คีย์บอร์ดกับเมาส์ควบคุม พอรวมกับธีมที่น่าแขยง (ใช้น้ำตาเป็นอาวุธ น้ำตาปาก้อนอึ โดนอัดเลือดสาด แมลงวันตอมตลอดเวลา) ก็เลยเลิกเล่นหลังจากผ่านไป 15 นาที ไม่เอาแล้ว Achievement


December 2011 : And Yet It Moves, Atom Zombie Smasher, DEFCON, Frozen Synapse, Jamestown, Revenge of The Titans, Worms Reloaded, Spiral Knights, Dungeons of Dredmor

   ข้างบนเป็นลิสต์เกมที่เล่นเพื่อเอา Achievements จาก Steam เพื่อแลกของรางวัลเท่านั้น ข้อดีของมันคือ ทำให้ได้เล่นเกมที่ซื้อมา แต่ไม่ได้เล่นซะที ส่วนใหญ่จะเกมอินดี้ที่ได้มาจาก Humble Bundle ที่ไม่มีเวลาเล่น ข้อเสียคือ เสียเวลาชะมัด แถมบางเกมเล่นแล้วไม่ใช่แนวเราด้วย แต่ต้องเล่นเพื่อของรางวัล (กว๊าาาาาาาาาา) ในลิสต์นี้มีที่เล่นแล้วสนุกคือ

  • Jamestown - เกมขับยานยิง แบบ Shoot 'em all แต่มันสั้นจัง
  • Revenge of The Titans - เกมป้องกันฐานทัพ (Tower defense) ที่สไตล์น่ารักดี 
  • Worms Reloaded - เกมยิงหนอน เกมโปรดของคันจุ๊  


December 2011 : Fallout 3


   จริงๆ ซื้อ Fallout 3 จาก Steam มาสักพักนึงแล้ว แต่ว่าไม่ได้เล่น ล่าสุดลองเปิดมาเอาจอย Xbox 360 ไปต่อดูสิว่าจะใช้ได้มั๊ย อ๊ะ ใช้ได้ ลองเล่นดูหน่อยสิ ทำเควสไปเรื่อยๆ อ๊ะ ไปแอบดู walkthrough เกมมันก็ไม่ยาวนี่หน่า พอรู้ตัวอีกทีเล่นไปจนจบ (ใช้เวลาในชีวิตจริงไป 10 วัน) ใช้เวลาในเกมไป 34 ชั่วโมง นี่ขนาดเน้นแต่ทำเควสหลักๆ นะ แถมคอมแฮงค์จอชมพูโชว์เลย ใช้งานตรูหนักนักนะ (โน๊ตบุ๊กเดลล์ กราฟฟิกการ์ด NVIDEA 8600M 256 MB เล่นเกมใหม่ๆ ไม่ได้แล้วเดี๋ยวนี้)

November 2011 : Football Manger 2008


   ความตั้งใจคือ คุมทีมไปสัก 100 ปี จนตัวเองในเกมแก่ตาย
 
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

    (1) คุมทีม Unterhaching (Region south ในเยอรมัน) ไปรอบแรก ได้ที่ 3 โดนไล่ออกกลางฤดูกาล เออวะ ทีมหวังได้ที่ 1 เล่นได้ที่ 3 ยังสมเหตุสมผล
 
   (2) เริ่มเล่นใหม่ พาทีมขึ้นชั้นไปดิวิชั่น 2 ฤดูกาลที่ 2 ทำทีหนีตกชั้นได้อย่างฉิวเฉียด (ได้อันดับ 15 จาก 18 ทีม ทีมอันดับ 16-18 ตกชั้น) ฤดูกาลที่ 3 ซื้อผู้เล่นมาเติมทีม นักเตะมีประสบการณ์เพิ่มขึ้่น ทำให้อยู่รอดโซนตกชั้นได้อย่างชิวๆ หนี้ 5 ล้านยูโรที่สร้างขึ้นปีแรกกำลังจะหมด ก็เลยลองเอานักเตะที่ไม่ค่อยได้เล่นลงไปเตะ แพ้ไป 3-4 นัด ประธานสโมสรก็เลยออกมาเตือนว่า อย่าทดลองอะไรแปลกๆ นัดสุดท้ายของฤดูกาลผมเลยจัดเต็ม เอาตัวจริงลงหมด ปรากฏว่าแพ้ แต่ได้อันดับ 12 หรือ 13 นี่แหละ (เป้าหมายของฤดูกาลคือ ไม่ตกชั้น)
   
   และโดนไล่ออก.......................

    เจ้าของทีม : "เสี่ยบอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าเล่นอะไรแผลงๆ"
    ผม : "ผมก็จัดเต็มให้เสี่ยแล้วไง"
    เจ้าของทีม : "เสี่ยไม่สน แพ้คือแพ้ เสี่ยไล่เอ็งออก"
    ผม : "สิ่งทีผมสร้างมาตลอด 3 ปีล่ะ ผมทำทีมขึ้นชั้นมา หนีตกชั้นมา 2 ปี อนาคตสดใส การเงินก็กำลังดีขึ้นมาเลยนะครับเสี่ย"
    เจ้าของทีม : "เสี่ยไม่แคร์ เอ้า ออกไปได้แล้ว"

   ผมยังเจ็บใจจนถึงทุกวันนี้ และไม่เปิด FM 2008 ออกมาเล่นอีกเลย

ภาพนี้เป็นภาพแทนความรู้สึกในตอนนั้นเป็นอย่างดี

    ผ่านมาแค่ 2 เดือนเอง ทำไมยาวขนาดนี้ล่ะ เอาเป็นว่าแยกเป็น 2 ตอนแล้วกันนะ

8.23.2554

Cinemassacre.com

   วันนี้เรามาแนะนำเว็บไซด์กันอีกแล้ว (ไหนตอนแรกว่าจะมาแนะนำเกม) เว็บวันนี้เป็นเว็บไซด์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมรีโทรอย่างแท้จริง นั่นคือ cinemassacre.com หรือว่าที่รู้จักกันดีอีกชื่อคือ Angry Video Game Nerd นั่นเอง

 
ใครรู้จัก Ninja Baseball Batman มั่ง

    สำหรับคนที่ไม่เคยเข้าไปดูหรือไม่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ Angry Video Game Nerd เป็นรายการหนึ่งของเว็บ Cinemassacre.com ที่แนะนำวีดีโอเกมย้อนยุคที่ห่วยและไม่น่าเล่น แต่นายเนิร์ด (ซึ่งแสดงโดยนาย James Rolfes เจ้าของเว็บนั่นแหละ) จะยอมฝืนทนเล่นไปด่าไป เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเกมนี้มันห่วยยังไง 

    เนื่องจากเนื้อหาของเว็บจะค่อนข้างมีคำหยาบมากมายสักหน่อย และบางตอนจัดว่าน่าขยะแขยงเลยทีเดียว สผู้ปกครองควรจะแนะนำบุตรหลานของท่านขณะชม สำหรับบางคนที่กำลังคิดว่าจะไปดูดีมั๊ย เพราะว่าไม่รู้ว่าจะดูไปทำไม เรามีเหตุผลหลายข้อสนับสนุนเพื่อให้คุณเข้าไปดู
  • จะได้รู้ว่าเกมอะไรที่มันห่วย ไม่น่าเล่น ไม่น่าซื้อ (สำหรับผู้ซื้อมาสะสม) 
  • สำหรับผู้ที่รักวีดีโอเกม คุณจะไ้ด้รับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับวีดีโอเกมมากมาย
  • เข้าไปดูคอลเล็กชั่นที่น่าทึ่งของเจมส์ที่มีเกม NES เกือบครบ
  • หลายๆ ตอนมันฮามากเลย
  • เข้าไปเก็บคำด่าภาษาอังกฤษ
  • วีดีโอคุณภาพทั้งภาพและเสียงดีมาก
    นอกจาก Angry Video Game Nerd แล้ว ในเว็บยังมีวิจารณ์หนังด้วย พลาดไม่ได้สำหรับคอหนังยุค 80s และคอหนังสยองขวัญ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมนั่งดูวีดีโอเว็บนี้ไปเพลินๆ กินเวลาไปเกือบ 40 ชั่วโมงได้

   แล้วเจอกันคราวหน้า (ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่) นะครับ หวังว่าคราวหน้าจะได้เขียนถึงเกมซะที และรักคันจุ๊ ชอบคันจุ๊ก็อย่าลืมเข้าไปดูคันจุ๊อั๋นเกินพิกัดกันล่ะ ช่วงนี้ผมไฟแรง นั่งวาดนั่งอัพได้ทุกอาทิตย์ ทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียน Retonoob เลย
     

7.27.2554

The Humble Indie Bundle # 3

    วันนี้มาอัพเดทแจ้งข่าวสั้นๆ สำหรับผู้สนใจเกมอินดี้ว่า Humble Bundle 3 มาแล้วจ้า สำหรับคราวนี้มาพร้อมกับเกม 



  • Crayon Physics Deluxe
  • Cogs
  • VVVVVV (กี่วีกันหว่า)
  • Hammerfight
  • And Jet It Moves
    สารภาพจริงๆ ว่าสนใจแต่เกม Crayon Physics Deluxe  และนอกจากนี้ Humble Bundle ยังมาพร้อมคอนเซปเดิม คือ 
  • จ่ายเท่าไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการ
  • ไม่มี DRM ให้กวนใจ
  • แต่ถ้าใครชอบสามารถไปแอคทิเวทเกมบน Steam หรือ Desura ได้
  • เงินที่จ่ายสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ให้แก่ผู้พัฒนาเกมโดยตรง การกุศล หรือแก่ทีมงาน Humble Bundle
  • สามารถจ่ายได้ด้วย Paypal, Amazon Payment และ Google Checkout (อืม ทำไมคราวนี้ไม่มีเครดิตการ์ดหว่า)
  • มีเวลาให้ซื้อกันถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2554 เท่านั้น
   ใครสนใจก็ช่วยกันไปอุดหนุนกันนะ จะได้มีเกมมาขายอย่างนี้เยอะๆ แล้วเจอกันคราวหน้าครับ (แต่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดีล่ะ) 

7.07.2554

How to get games cheap!

    วันที่ 4 กรกฎาคมเป็นวันหนึ่งของปีที่ผมตั้งหน้าตั้งตารอมาก ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเฉลิมฉลอง Independence day  ของสหรัฐอเมริกาหรอกนะ แต่ว่ามันเป็นช่วงที่ Steam จะทำการลดราคาเกมสารพัดเกมต่างหาก

    วันนี้ RETRONOOB ขอเสนอ แหล่งที่เราจะหาซื้อเกมของแท้ ราคาถูก (เฉพาะแบบดาวน์โหลดนะครับ)
  



    Steam เป็นเว็บไซต์ขายเกมผ่านการดาวน์โหลดแหล่งแรกๆเลยก็ว่าได้ เกมที่เราซื้อผ่านสตีมหรือซื้อจากที่ร้านค้าแล้วมาแอคทิเวทบนสตีมจะมาผูกติดกับบัญชีผู้ใช้ของเรา โดยปกติราคาเกมบนสตีมจะเท่ากันกับหรือแพงกว่าราคาจากร้านค้าปลีก แถมเกมเก่าๆ ยังไม่ยอมลดราคาลงมาอีก 
    แต่ว่าในหนึ่งปีสตีมจะมีเทศกาลลดราคาอย่างโหด 2 ครั้ง ครั้งแรกคือช่วงฤดูร้อน (ของที่อเมริกา ปีนี้ (2011) ได้แก่วันที่ 30 มิถุนายนถึง 10 กรกฎาคม) ส่วนอีกครั้งคือช่วงคริสต์มาสต์ (ราวๆ 25 ธันวาคม ถึงช่วงปีใหม่) ช่วงลดสุดโหดนี้เรียกได้ว่า แทบทุกเกมบนสตีมถูกขนเอามาลดราคากัน มากบ้างน้อยบ้าง นอกจากนั้นในช่วงนี้ยังมี Daily's deal คือลดราคาเกมบางเกมพิเศษให้ถูกลงมาอีก บางเกมลดถึง 90% เลยทีเดียว
    นอกจากเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ ก็ยังมีการลดราคาเล็กๆ บ้างประปรายเช่น 
  • Daily's deal (ขนเกมมาลดราคาทุกวัน วันละ 1 เกม แต่ส่วนใหญ่เป็นเกมอินดี้)
  • Midweek Madness (ลดราคเกมระหว่างสัปดาห์ เกมอินดี้บ้าง จากค่าใหญ่บ้างสลับกันไป)
  • Weekend's deal (เหมือน Midweek Madness แต่มาช่วงวันหยุดศุกร์ถึงอาทิตย์)
  • หรือบางทีเผลอๆ ก็อาจจะมีแพ็กเกจของค่ายเกม เอามาลดราคาได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น EA Valve หรือ SEGA
  • วันไหน Valve ครึ้มอกครึ้มใจก็อาจจะเอาเกมมาแจกฟรี ยกตัวอย่างเช่น Portal หรือ Team Fortress 2 เพราะฉะนั้นมีแอคเคานท์ไว้ไม่เสียหาย (สามารถเช็กเกมฟรีจาก Steam ได้ที่นี่
    และเดี๋ยวนี้ Steam รับเงินจาก Paypal ด้วย ไม่ต้องมีบัตรเครดิต แค่มี Paypal กับบัญชีธนาคารก็ซื้อได้เหมือนกัน

    


        อันนี้สำหรับคนที่ชอบเกมเก่าหน่อยที่หาซื้อตามร้านค้าปลีกไม่ได้ ก็สามารถหาซื้อที่ GOG หรือ Good Old Game ได้นะครับ นอกจากเกมเก่าแล้ว ยังมีเกมใหม่บางเกม เช่น The Witcher 2 (เจ้าของ GOG เป็นเจ้าของเดียวกับโทนาฟ เอ๊ย ไม่ใช่ เป็นเจ้าของเดียวกับผู้สร้าง The Witcher) และซื้อเกมนอกจากได้เกมแล้ว ยังได้ของแถมมากมายเช่น ซาวนด์แทรกหรืออาร์ทเวิร์กอีกด้วย นอกจากนั้นแค่มีแอคเคานท์ยังได้เกมฟรีทันที 3 เกม (แต่เกมอะไรก็ไม่รู้ ยังไม่ได้ลองเล่นเลย)
    นอกจากนั้น GOG ยังมีลดราคาเกมเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงเทศกาลต่างๆ เหมือนกัน นอกจากนั้นข้อดีของ GOG คือ เกมบน GOG จะไม่มี DRM ให้น่ารำคาญด้วย


    3) Humble Bundle (http://www.humblebundle.com/)


    บันเดิ้ลเทพ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมอินดี้ แต่ราคาบน Steam แพงเกินไป มาที่ Humble Bundle ดีกว่า ที่นี่เราจะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่เราต้องการ นอกจากนี้เงินยังเลือกเอาเงินที่จ่ายไป ไปให้ผู้ผลิตเกมหรือให้กับการกุศลได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เรายังเอาเกมไปแอคทิเวทบน Steam, On Live หรือ Desura ได้ น่าเสียดายที่ช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชั่นจาก Humble Bundle แต่ถ้าใครสนใจก็สามารถเอาอีเมล์ไปใส่ไว้ได้ แล้วถ้ามีโปรโมชั่นเมื่อไหร่ ทางเว็บจะส่งอีเมล์มาเตือนเอง
    เกมจาก Humble Bundle เช่น
  • World of Goo
  • Trine
  • Braid
  • Machinarium
  • Osmos
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

    4) ShockedFish (http://shockedfish.com/)

    อันนี้ไม่ใช่เว็บขายเกม แต่เป็นเว็บที่รวบรวมว่าที่ไหนมีเกมลดราคาบ้าง ตามแหล่งที่ขายเกมดาวน์โหลดต่างๆ น่าเสียดายที่เว็บยังไม่อัพเดทบ่อยนัก ทำให้บางทีเราพลาด Daily's deal ได้


     นอกจากนั้นตอนนี้ยังมีเว็บออกมาขายเกมทางการดาวน์โหลดอีกสารพัดเว็บ แต่ละเว็บมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ที่ Greenmangaming เราสามารถขายเกมคืนเมื่อเราเล่นเกมจบแล้ว เหมือนกับขายเกมมือสองได้ (แต่ว่าเป็นระบบดาวน์โหลด) 
    สุดท้ายนี้ผมก็อยากจะบอกว่า อย่าซื้อเกมเยอะกันจนเกินตัว โดยเฉพาะในเทศกาลลดราคาอย่างนี้ และอย่าโหลดเกมกันจนเกินไป จนวงการผู้ผลิตเกมเจ๊งนะครับ 

    (ผมไม่ได้ค่าโฆษณาจากทางเว็บที่พูดถึงนะครับ แต่ถ้าใครอยากช่วยสนับสนุน RETRONOOB ก็กดโฆษณาจากกูเกิ้ลข้างๆ สักคนละทีสองทีนะครับ)

6.29.2554

M&M's

    สัปดาห์นี้ขยันอัพเดทบล็อกเป็นพิเศษ เพราะว่าเมื่อสองวันก่อนพึ่งจะเขียนตอนใหม่ของคันจุ๊อั๋นเกินพิกัดเสร็จ (สำหรับคนที่อยากอ่านลิงค์อยู่ที่ด้านขวาคำว่า JakaruuTH) วันนี้นั่งว่างๆ ก็เลยมาอัพบล็อก Retronoob อีกแล้ว เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีอารมณ์จะเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ผมก็เลยว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องอื่น (อีกแล้ว) จริงๆ แล้วก็จัดว่าเป็นเกมอย่างหนึ่ง ที่เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะไม่ได้ค่อยสังเกตกันก็ตาม เกมนั้นอธิบายง่ายๆ ก็คือ


    


    "ผมชอบเอ็มแอนด์เอ็มส์สีส้ม " 

    "ปีโป้สีม่วง"

    "คันจุ๊ไม่กินเจลลี่แบร์สีเหลือง"

    ในขนมหลอกเด็กถุงหนึ่งที่มีขนมหลายๆ เม็ดหลายๆ สี บางทีเราก็อาจจะชอบสีใดสีหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าสีที่ชอบนี้มันเกิดมาจากไหน แต่ว่ามันส่งผลต่อการบริโภคของผมพอสมควร นอกจากนั้นความรู้สึกว่าสีใดสีหนึ่งมีความพิเศษ บางครั้งก็เป็นการอุปโลกไปเอง ยกตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่ผมกินเอ็มแอนด์เอ็มส์สีส้ม ผมก็จะรู้สึกได้กลิ่นส้มจางๆ ลอยมาในอากาศ ทั้งๆ ที่ถ้าใครเคยลองกินเอ็มแอนด์เอ็มส์แต่ละสีเทียบกัน จะรู้สึกเลยว่า แต่ละสีนั้นไม่มีรสชาติต่างกันเลย (เชื่อเลยว่าจากนี้เป็นต้นไป คนอ่านบล็อกบางคนจะติดโรคอุปโลก ได้กลิ่นส้มเวลากินเอ็มแอนด์เอ็มส์สีส้มเหมือนกัน)

    สำหรับปีโป้สีม่วงหรือการที่คันจุ๊ไม่ชอบหมีสีเหลืองยังพอมีเหตุผลรองรับได้อยู่ เพราะว่าทั้งสองอย่างมีการผสมกลิ่นผลไม้ที่แตกต่างกันอยู่ แต่สาเหตุที่ผมชอบกินปีโป้สีม่วงค่อนข้างจะงี่เง่า เพราะ ผมไม่ได้อยากกินเพราะว่ารสชาติของสีม่วงอร่อยกว่าสีอื่นๆ นอกจากนั้นยังแอบรู้สึกว่ากลิ่นองุ่นของสีม่วงมันออกจะเหม็นๆ ด้วยซ้ำ แต่ที่ผมชอบกินเป็นเพราะ สีม่วงเป็นสีที่หายากที่สุด และมีน้อยที่สุดในซองปีโป้ซองใหญ่ๆ (มาจากการสังเกตล้วนๆ ไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยัน) ส่วนเหตุผลที่คันจุ๊ไม่ยอมกินหมีสีเหลือง คันจุ๊ได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนเลย หมีสีเหลืองรสชาติเหมือนกับยาแก้ไข้เด็ก

    มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหมีสีเหลืองคือ วันนึงผมซื้อเจลลี่แบร์ถุงใหญ่มากินกับคันจุ๊ หลังจากที่คันจุ๊ประกาศว่า หมีสีเหลืองรสชาติเหมือนยาแก้ไข้ แล้วทั้งสองคนก็ไม่มีใครยอมกินหมีสีเหลือง สุดท้ายสองคนก็เลือกกินหมีสีอื่นจนหมด เหลือแต่หมีสีเหลืองไว้ในถุง กลายเป็นสุสานหมีสีเหลือง (ถ้าใครนึกไม่ออกว่าน่ากลัวยังไง ลองนึกภาพถุงที่เต็มไปด้วยของที่คุณเกลียดเต็มถุงดู เป็นอย่างนั้นแหละ)

   

6.23.2554

จุดเปลี่ยน (ประมาณปี 1996)

    วันนี้เราจะมาเขียนบล็อกเวิ่นเว้อรำลึกความหลังเกี่ยวกับอนิเมะไปเรื่อยๆ ไอเดียของบล็อกตอนนี้เริ่มมาจากเข้าไปอ่านกระทู้จากเว็บที่คุณก็รู้ว่าเว็บอะไร (หา! ไม่รู้หรอ เว็บนั้นไงเล่า เว็บนั้น) เจอคำถามประมาณว่า การ์ตูนเซอร์วิสเรื่องแรกคือเรื่องอะไร มีคนมาตอบน่าเชื่อมั่ง ไม่น่าเชื่อมั่ง ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของคนเขียนคอบร้า เห่าสายฟ้า (ดัชนีชี้วัดความแก่) หรือว่าโดราเอมอน ฯลฯ

    ผมก็มานั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าความแม่นยำของผมในเรื่องอนิเมะต่ำมากๆ เพราะผมห่างเหินจากการนั่งดูอนิเมะไปหลายปี เนื่องจากสาเหตุหลายประการ แต่สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือ ผมย้ายบ้านตอนป. 6 ออกมาชานเมืองสุดแสนทุรกันดาร ในที่ที่ไม่สามารถรับช่อง 9 อสมท. ได้ (ถึงแม้จะยังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ก็เถอะ) เลยทำให้พลาดดูช่อง 9 การ์ตูนไปหลายปี ผมก็เลยแทบจะเลิกดูการ์ตูนเลยนับตั้งแต่นั้น (แต่ว่ายังได้นั่งดูชินจังกับมารุโกะจากช่อง 3 บ้างเป็นครั้งคราว) 

     จนมาเมื่อปีที่แล้ว (2010) ผมพึ่งจะมีโอกาสกลับมาเริ่มดูอนิเมะอีกครั้ง เพราะช่วงนั้นกระแส Bakemonogatari แรงเหลือเกิน ผมก็เลยลองเอามาดูว่าเป็นยังไงบ้าง ปรากฏว่า ผมก็ได้เรียนรู้ว่า โอ้ อนิเมะสมัยนี้ช่างต่างจากอนิเมะหรือการ์ตูนสมัยก่อนเหลือเกิน ถึงแม้จะต้องยอมรับว่า การเอาประสบการณ์การดูการตูการ์ตูนสมัยเมื่อ 15 ปีก่อนของผมมาเทียบกับอนิเมะอย่าง Bakemonogatari เป็นเรื่องที่เกินไปหน่อย เพราะอย่างน้อย Bake คงจะไม่มีทางได้ฉายในช่อง 9 การ์ตูน ไม่ว่าสมัยก่อนหรือสมัยนี้ก็ตาม

    (ก่อนที่จะหลงประเด็น) สิ่งที่ผมอยากจะเขียนวันนี้ก็คือ การ์ตูนโมเอะและเซอร์วิสเริ่มแพร่หลายในประเทศไทย (หรืออย่างน้อยๆ ก็รอบตัวผม) เมื่อไหร่ ซึ่งเป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัว หลายๆ คนอาจจะไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรนะครับ

    สิ่งแรกที่อยากจะเล่าก็คือ สมัยผมเด็กๆ เส้นแบ่งการ์ตูนผู้ชายและผู้หญิงสมัยก่อนชัดมากๆ เด็กผู้ชายจะไม่มีวันอ่านหรือดูการ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนผู้ชายสมัยก่อนก็เช่น เซนต์เซย่า ดราก้อนบอล คินิกุแมน หน้ากากเสือ ซามูไรทรูปเปอร์ การ์ตูนหุ่นยนตร์อีกหลายๆ เรื่องที่นึกหน้าออกแต่นึกชื่อเรื่องไม่ออก ขบวนการเรนเจอร์ห้าสี ตำรวจอวกาศจีบัน และอื่นๆ อีกมากมาย ผมก็เหมือนๆ กับเด็กรุ่นผมคนอื่นๆ ที่นั่งติดตามดูการ์ตูนจากทางทีวีเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากช่อง 9 การ์ตูนยามเช้าตรู่วันเสาร์ อาทิตย์ อาจจะมีซื้อการ์ตูนเป็นเล่มมาอ่านบ้างนิดหน่อย 

    ผมไม่แน่ใจว่ามันเริ่มตั้งแต่สมัยไหนที่ช่อง 9 การ์ตูนเริ่มฉายการ์ตูนในรูปแบบนี้
    1) การ์ตูนตลกสอนใจสำหรับเด็ก (ยกตัวอย่างเช่น โดราเอม่อน อาราเล่)
    2) การ์ตูนเด็กผู้ชาย สุดบู๊ ผมไม่แน่ใจว่า 1 หรือ 2 เรื่อง
    3) การ์ตูนเด็กผู้หญิง 1 เรื่อง
    4) การ์ตูนชะลาล่า ที่ในความรู้สึกของผม มันดังสู้และสนุกการ์ตูนผู้ชายที่ฉายไปก่อนหน้านั้นไม่ได้
    5) ขบวนการ 5 สี ตำรวจอวกาศจีบัน และอะไรประมาณนี้

    จากตารางการฉายนี้สิ่งที่ผมและพี่ชายทำคือ ปิดทีวีและออกไปวิ่งเล่นหลังจากการ์ตูนผู้ชายจบ (2) และอาจจะกลับมาดูการ์ตูนชะลาล่าหรือขบวนการห้าสีต่อ คือ เราจะไม่ดูการ์ตูนผู้หญิง

      ตอนผมอยู่มัธยมช่อง 9 ก็เติมสล็อต (3) นั้นด้วยการ์ตูนเรื่องใหม่คือ เซเลอร์มูน ในขณะที่ผมยังปฏิบัติตัวเหมือนเดิมคือ ปิดทีวี ไม่ดูการ์ตูนผู้หญิง เพื่อนๆ ผู้ชายของผมก็เริ่มโดนล้างสมอง กลายเป็นสาวกเซเลอร์มูนไปทีละคนสองคน โดยพวกเขาก็ติดตามโดยเฉพาะฉากแปลงร่างของเซเลอร์ต่างๆ

     จากข้อสังเกตนี้ทำให้ผมสรุปว่า ถึงแม้ว่าเซเลอร์มูนอาจจะไม่ใช่การ์ตูนเซอร์วิสเรื่องแรก (หรืออาจจะไม่ใช่การ์ตูนเซอร์วิสเลยก็ตาม) แต่เซเลอร์มูนเป็นการ์ตูนที่มีความสำคัญในการทำให้เส้นแบ่งระหว่างการตูนเด็กผู้ชายและการ์ตูนเด็กผู้หญิงนั้นจางลง และผู้ชายก็เริ่มสนใจการ์ตูนผู้หญิงมากขึ้น นำไปสู่การแพร่หลายของการ์ตูนเซอร์วิส การ์ตูนโมเอะ การ์ตูนจิบชา และอื่นๆ ไปอีกเรื่อยๆ (สัญชาติญาณของผมแอบแย้งนิดๆ ว่า มันเริ่มจากตอนที่ช่อง 3 เอา Orange road มาฉาย แต่ผมรู้สึกว่า Orange road มีกลิ่นของการ์ตูนผู้ชายเยอะอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะขวัญใจชาย อายูคาว่า มาโดกะ)

    ไหนๆ ก็ไหนๆ เพื่อไม่ให้บล็อกมีแต่ตัวหนังสือ เราแถมรูปคันจุ๊หนึ่งรูป



ขอขอบคุณฟ้อนท์จากคุณเอย์อิจินะครับ จาก http://www.f0nt.com/ 

6.21.2554

Harvest Moon : Friends of Mineral Town & Harvest Moon : More Friends of Mineral Town (2003)

วันนี้เรามาพูดถึงเกมซีรีย์ Harvest Moon ที่แสนจะโด่งดังกันดีกว่า 



ฉากเปิดรวมตัวละครของ Harvest Moon : Friends of Mineral Town


     ผมได้รู้จักซีรี่ย์ฮาร์เวสมูนหรือเกมปลูกผักของหลายๆ คน ก็หลังจากที่ผมกลับมาเริ่มเล่นเกมอีกครั้ง หลังจากห่างหายจากวงการเกมไปยาวนานตั้งแต่หมดยุคของเครื่องแฟมิคอม (ถึงแม้จะแอบไปนั่งเล่นวินนิ่งอยู่ตามร้านเกมอยู่เนืองๆ) โดยการกลับมาสู่วงการเกมของผมเมื่อประมาณ 5 ปีก่อนนั้น เริ่มต้นจากการชักนำของคันจุ๊ ผู้ที่ซื้อเกมบอยไมโครสีชมพูแปร๋นมาเล่นฆ่าเวลา แล้วเราสองคนก็เริ่มไล่ตามหาเกมของเกมบอยไมโคร (ซึ่งเป็นเกมชุดเดียวกันกับเกมบอยแอดวานซ์นั่นแหละ) มาเล่นกัน และผมก็ไปสะดุดกับเกมเกมนึงในกระบะลดราคานั่นก็คือ เกม Harvest Moon : Friends of Mineral Town และเนื้อหาส่วนใหญ่ของบล็อกตอนนี้ก็จะอ้างอิงจากเกมนี้ (ถึงแม้ผมจะมั่นใจว่าเนื้อหาของฮาร์เวสมูนภาคต่างๆ ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่) เพราะว่าภาคนี้เป็นภาคที่ผมคุ้นเคยมากที่สุดจากการที่ได้นั่งเล่นเอง และนั่งดูคันจุ๊เล่น (อันหลังซะเป็นส่วนใหญ่)


    เรื่องเริ่มต้นด้วยฉากรำลึกความหลังของเด็กหนุ่มที่เคยมาเจอกับลุงเจ้าของฟาร์ม


    ฮาร์เวสมูนเป็นซีรี่ย์เกมที่มีอายุมาจะครบ 15 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นออกมาในปี 1996 บนเครื่องซุปเปอร์แฟมิค่อม (หรือ SNES ในยุโรปและอเมริกา) และออกมาลงในเกือบทุกเครื่องคอนโซลของนินเท็นโด้และโซนี่ (ยกเว้นเพลย์สเตชั่น 3) เนื้อหาของเกมเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม (หรือเด็กสาวในบางเกม) ออกมาใช้ชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆ และหาเลี้ยงตัวเองโดยการทำการเกษตร เก็บเงินเพื่อปรับปรุงพัฒนาฟาร์มไปเรื่อย ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้าน โดยการพูดคุยและให้ของขวัญแก่ผู้คน และแก่หญิงสาวที่หมายปอง หลังจากความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวในหมู่บ้านพัฒนาไปเรื่อยๆ เขาก็จะพบเหตุการณ์ต่างๆ กับหญิงสาวคนนั้น หัวใจที่เป็นตัวระบุความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีสดใสขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นสีแดง เมื่อเธอพร้อมเขาก็จะให้ขนนกสีฟ้าแก่เธอเพื่อเป็นการขอเธอแต่งงาน ถ้าหญิงสาวไม่ปฏิเสธทั้งสองคนก็จะแต่งงานและมีลูกด้วยกัน และเด็กหนุ่มก็จะทำงานฟาร์มเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวต่อไป


ปุ๊ปปูรีหนึ่งในหญิงสาวในเกม ในตอนเริ่มต้นเกมเธอจะมีหัวใจสีดำ


ลิลเลีย แม่ของปุ๊ปปุรี เสียใจด้วยสำหรับชาวโอบาค่อนทั้งหลาย  ลิลเลียไม่ใช่ตัวละครที่จีบได้ (T __ T)

    นอกจากเนื้อเรื่องหลักที่เล่าให้ฟังข้างบนแล้วตัวเกมยังมีความลับอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นส่วนสนุกอย่างหนึ่งของเกมนี้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราโยนของลงไปในบ่อน้ำจะมีเทพีปรากฏตัวออกมา หรือเราสามารถขุดเหมือง 2 เหมืองที่มีความลึกถึง 255 ชั้น แถมบันไดเหมืองโผล่มาแบบแรนด้อมอีกต่างหาก แต่ของที่พบในเหมืองนั้นก็ควรค่าแก่การขุด หรืองานเทศกาลต่างๆ ที่เราสามารถเข้าร่วมได้ เช่น งานดอกไม้ไฟ แข่งทำอาหาร หรือแข่งฟริสบี้ หรือถ้าเราเอาใบไม้สีต่างๆ (ที่เก็บได้ฟรี) ไปให้เอลฟ์ จนเอลฟ์กลายเป็นเพื่อนเรา พวกเอลฟ์จะมาช่วยงานในฟาร์มเราเยี่ยงทาส ทำให้เรามีเวลาไปจีบหญิงได้เต็มที่


 เอลฟ์ หรือ "ไอ้เจ้าทาสของคันจุ๊"

    อย่างที่พูดไปแล้วว่าฮาร์เวสมูนนั้นมีเวอร์ชั่นที่ผู้หญิงเป็นตัวเอกด้วย เช่นในเวอร์ชั่นเกมบอยแอดวานซ์ก็จะมีภาค Harvest Moon : More Friends of Mineral Town ซึ่งนอกจากเราจะเล่นเป็นเด็กสาวมาจีบหนุ่มๆ แทนแล้ว ในเกมยังมีรายละเอียดบางส่วนที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นเนื้อเรื่องตอนต้นของเกม ในเวอร์ชั่นผู้ชาย เด็กหนุ่มได้ฟาร์มมรดกจากลุงที่รู้จักกัน แต่เด็กสาวจะเบื่อชีวิตในเมืองและออกมาซื้อฟาร์มเพื่อใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร นอกจากนั้นถ้าเล่น More Friends ตอนต้นเรื่อง เราสามารถจ้วงลุงกำนัน (Mayer Thomas) ของหมู่บ้านด้วยอาวุธอะไรก็ได้ไม่ต้องยั้ง ดังรูปข้างล่าง


"ฮัดช่า..........า!!"
    
    สำหรับผมแล้วฮาร์เวสมูนเป็นเกมที่เล่นแล้วให้ประสบการณ์ที่ดีมาก ความลับต่างๆ และเนื้อเรื่องของเกม มันสนุกและคุ้มค่าที่จะเล่น เพราะฉะนั้นผมให้คันจุ๊โชว์เมพแก่เกมนี้


 แหล่งอ้างอิง


5.31.2554

The Wizard (1989)

    เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีเวลาว่้างจะเล่นเกม เราก็เลยมาแนะนำหนังกันดีกว่า ถึงแม้ว่ามันจะผิดคอนเซปต์ของบล็อกไปหน่อยก็เถอะ เอาเป็นว่าเราจะมาแนะนำหนังที่เกี่ยวกับเกมก็แล้วกัน เรื่อง The Wizard จากปี 1989

   สำหรับคนที่สนใจเกมเก่าๆ นั่งดูรีวิวเกมเก่า ตามเว็บไซต์ต่างๆ อาจจะเคยผ่านตามาบ้าง The Wizard เป็นเรื่องของจิมมี่ เด็กพิเศษ ที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากอยากจะไปแต่ "แคลิฟอร์เนีย" และสิ่งที่จิมมี่ทำก็คือ  หยิบกล่องข้าวของตัวเองใบนึง แล้วก็ออกเดินไปแคลิฟอร์เนีย พ่อเลี้ยงกับแม่ของจิมมี่ก็รู้สึกสุดทนกับพฤติกรรมประหลาดของลูกชาย ก็เลยจับจิมมี่ส่งไป "บ้าน" เด็กพิเศษ คอรี่พี่ชายของจิมมี่ รู้สึกทนไม่ได้กับชะตากรรมของน้องชาย ก็เลยช่วยจิมมี่ออกมาจาก "บ้าน" และทั้งสองคนก็เดินทางไป "แคลิฟอร์เนีย" ชะลาล่า โดยมีพ่อและพี่ชายของคอรี่ และนักตามเด็กที่ถูกจ้างโดยแม่ของจิมมี่คอยติดตามไล่ล่าทั้งสองคนไปตลอดทาง
   
   ระหว่างทางจิมมี่กับคอรี่ก็ได้เจอกับสาวนาม ฮาเลย์ และทั้งสามคนก็ร่วมมือร่วมใจกัน เดินทางไป "แคลิฟอร์เนีย" โดยหาเงินสนับสนุนการเดินทางโดยการพนันแข่งวีดีโอเกมกับคนที่เจอระหว่างทางไปเรื่อยๆ 

"การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะหนูๆ"
เนื่องจากจิมมี่เป็นนักเล่นเกมฝีมือเทพ จึงทำให้ชนะทุกคนที่มาแข่งด้วย และได้ฉายาว่า "The Wizard" (สำหรับคนที่สงสัยว่าชื่อหนังมาจากไหน) ระหว่างทางคอรี่กับฮาเลย์ก็ข่าวว่าจะมีการแข่งขันเล่นวีดีโอเกม  "Video Armageddon" ชิงรางวัล 50000 เหรียญที่ "แคลิฟอร์เนีย" ทั้งสองคนก็เลยจะพาจิมมี่ไปเข้าแข่ง แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ได้เจอ ลูคัส เทพแห่งเกม NES (แฟมิค่อมเวอร์ชั่นอเมริกา) ผู้มีเกม NES ครบชุดและครอบครองถุงมือ Power glove ผู้ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญในการแข่งเกมครั้งนี้


   โอเคนั่นเป็นเนื้อเรื่องย่อ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างมาก เมื่อเทียบกับหนังแนวผจญภัย Road trip ทั่วไป  แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นมากคือ การที่ทั้งเรื่องมีโฆษณา (ที่เกือบจะไม่) แฝงให้กับ Nintendo และ Universal Studios Hollywood อยู่เต็มไปหมดทั้งเรื่อง แบบที่เราไม่มีทางได้เห็นของอย่างนี้ในยุคสมัยนี้ (และไม่ต้องแปลกใจเพราะหนังเรื่องนี้สร้างโดย Nintendo และ Universal)




เทรล์เลอร์หนัง
   
   ยกตัวอย่างเช่น 
   1) เกมแรกที่จิมมี่เล่นคือ Double Dragon ที่จิมมี่ทำได้ 54563 คะแนน (มั๊ง) ในเวลา 5 นาที  
   2) พ่อและพี่ชายของคอรี่ตอนจะออกไปตามคอรี่ ลูกชายที่หายไป ดันขนเครื่องเกม NES ไปด้วย เพื่อไปเล่นเกม Zelda ระหว่างทาง
  3) อย่างที่บอกข้างบนตัวร้ายในเรื่อง ลูคัส มีเกมครบชุดและถุงมือ Power glove กับประโยคอมตะประจำตัว "I love the power glove. It's so bad!"
  4) การแข่งขันเกมจัดขึ้นที่  Universal Studio (ประมาณสวนสนุกเหมือนดิสนีย์แลนด์) ที่ยังไม่เปิดตอนสมัยนั้น และตัวเอกวิ่งวนไปมาในสตูดิโอประมาณครึ่งชั่วโมงตอนช่วงท้ายของหนัง
   5) ฮาเลย์นางเอกของเรื่องคอยโทรไล่ถาม Nintendo Hotline เพื่อหาข้อมูลของเกมต่างๆ ให้จิมมี่ เพื่อใช้ในการเข้าแข่งขัน
   6) เกมที่แข่งในรอบแรกคือ นินจา ไกเดน ที่เจ้าของบล็อกไม่เคยเล่น
   7) สุดท้าย และแจ่มที่สุดในโฆษณาแฝงชุดนี้ก็คือ เกมที่ใช้แข่งชิงชนะเลิศคือ มาริโอ้ 3 ที่สมัยนั้นยังไม่วางขาย และกำลังไฮป์สุดๆ
   และโฆษณาอื่นๆ อีกมากมาย

   น่าเสียดายที่สมัยนั้นผมยังปีนต้นมะม่วง ขุดดินสวนหลังบ้านเล่นอยู่ เลยไม่ได้รับรู้ความคลั่งไคล้ของมาริโอ้ 3 ในช่วงนั้น และพึ่งจะมาได้ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สำหรับแฟนนินเท็นโด้และนักศึกษาวิชาการตลาดที่ไม่เคยดู ผมแนะนำให้หามาดูเล่นๆ สำหรับคนที่ไม่อยากเสียเวลาดูโฆษณาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง สามารถดูเวอร์ชั่นสั้นๆ พร้อมคำวิจารณ์ ได้ที่ RetrowareTV (วีดีโออันแรกที่ The Wizard 3 Part Review) รับรองว่าได้อรรถรสเช่นเดียวกัน (หาลิงค์เจอแล้ว สามารถดูจาก RetrowareTV ข้างล่างนี้ได้เลย)







แหล่งอ้างอิง

5.18.2554

มาเล่น Angry Birds กันเถอะ (Google Chrome - 2011)

    วันนี้ขอนอกคอนเซปนิดนึง วันนี้เราไม่รีโทรเท่าไหร่นะครับ

    หลังจากผู้ที่มีไอโฟน ไอแพด และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ได้ซื้อและเล่นเกม Angry birds ตั้งแต่ปี 2009 มาปีนี้ (2011) โชคเข้าข้างพวกเราผู้ที่มีแต่พีซีไว้ใช้ (เอาแต่) เล่นเกมกันบ้าง เพราะโปรโมชั่นล่าสุดของกูเกิ้ล โครมวันนี้คือ ดาวน์โหลดกูเกิ้ลโครมวันนี้ ได้เล่น Angry birds ฟรี!!

    แค่ไปที่ Web store ของกูเกิ้ล (https://chrome.google.com/webstore?hl=en-US) โดยใช้กูเกิ้ลโครม และล็อกอินโดยใช้แอคเคานท์ของกูเกิ้ล และอินสตอลเกม Angry birds เท่านี้ก็ได้เล่นกันแล้ว (เมื่อไหร่กูเกิ้ลจะมาจ่ายค่าโฆษณาให้ผมบ้าง)

 
    โดยในเกมเป็นเรื่องเกี่ยวกับนกของเรา จะไปแก้แค้นแก๊งค์หมูที่ขโมยไข่ของนกไปทอดกิน โดยการที่แก๊งค์นกของเราจะขึ้นไปบนหนังสติ๊กที่คอยยิงจู่โจม หมูที่อยู่ซ่อนในหอคอยที่ทำจากไม้ แก้ว และก้อนหิน โดยเราจะมีนกแตกต่างกันห้าสีที่มีความสามารถแตกต่างกัน 5 อย่าง ซึ่งจะแสดงความสามารถออกมาหลังจากที่เรากดเมาส์อีกครั้งหลังจากยิงออกไปแล้ว

นกสีแดง - เป็นพลทหารกระจอก มีความสามารถแค่พุ่งเร็วขึ้นนิดหน่อย
นกสีฟ้า - สามารถแยกออกเป็นสามตัวได้ หลังจากคลิ๊ก
นกสีเหลือง - พอคลิ๊กแล้วจะพุ่งได้เร็วมาก
นกสีดำ - หลังจากพุ่งไปกระแทกอะไรสักอย่างหรือ ว่าเราคลิ๊กเมาส์ นกจะระเบิด
นกสีขาว - จะสามารถปล่อยไข่เหมือนทิ้งระเบิดได้ เจ้าตัวนี้จะอู้ที่สุด เพราะพอมันปล่อยไข่แล้วจะบินหนีไป

มายิงหมูกันเถอะ

    โดยทั้งหมดจะมี 3 ด่าน ด่านละ 21 เลเวล ในแต่ละเลเวล เราจะสามารถเก็บดาวได้มากที่สุด 3 ดาว และในเวอร์ชั่นกูเกิ้ล โครมนี้จะมีเลเวลพิเศษเพิ่มให้อีก 7 เลเวล โดยที่เราจะต้องยิงสัญลักษณ์ กูเกิ้ล โครม ที่ซ่อนอยู่ในบางเลเวล

   เอาล่ะครับสุดท้ายมาดูคะแนนจากคันจุ๊วิจารณ์โคตรเอียงกันบ้าง


    คันจุ๊จัดให้เป็นเกมเทพ เพราะคันจุ๊นั่งเล่นจบใน 2 วัน แต่ว่ามันสั้นไปหน่อย ถ้าใครยิงหมูไม่หายมันส์มือ สามารถนั่งยิงเก็บสามดาวให้ครบทุกด่านต่อไปได้

    UPDATE (31.05.2011):  หลังจากทำการวีดีโอคอนเฟอเร้นท์กับคันจุ๊ (หรูใช่มั๊ยล่ะ) เมื่อหลายวันก่อน คันจุ๊บอกว่าขอลดคะแนนเป็น คันจุ๊นั่งเล่นแทน เพราะตัวเกมสั้นมาก คันจุ๊นั่งเล่นสองวันก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอเปลี่ยนโล่ห์รางวัลเป็นอันนี้นะทุกคน

5.10.2554

Khanju rules!

    เวลาผมอ่านรีวิวเกมจากสำนักต่างๆ ผมก็จะข้ามส่วนที่เป็นเนื้อหาบรรยายเวิ่นเว้อต่างๆ ไปอ่านสรุปผล และคะแนนที่เกมนั้นได้ พอมาเขียนบล็อกตัวเองบ้าง ปรากฏว่า ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะให้มีคะแนน เพราะไม่ได้ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นรีวิวเกมเป็นเรื่องเป็นราว แต่พอมาคิดดูอีกที มานั่งตัดสินแจกแต้มเกมที่เล่นก็น่าสนุกดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคราวนี้ผมก็เลยคิดระบบการให้คะแนนเกมออกมาเป็นสามระดับ โดยมีชื่อการรีวิวว่า
    "Khanju's Extremely Biased Game Review"
    
    หรือ "รีวิวเกมสุดเอียงโดยคันจุ๊" นั่นเอง โดยมีดารารับเชิญจากการ์ตูน คันจุ๊อั๋นเกินพิกัด ผู้ที่สนใจสามารถติดตามอ่านทั้ง 10 เอพพิโสดได้ที่ http://jakaruuth.blogspot.com/ (ซีซั่นสองจะมาเร็วๆ นี้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่) โดยคะแนนจะแบ่งเป็นดังนี้คือ

1. คันจุ๊ปาจอย


เป็นคะแนนสำหรับเกมที่เล่นแล้วเซ็ง เกมที่ได้คะแนนนี้ไม่จำเป็นต้องห่วยหรือแย่ (แต่เกมที่ห่วยหรือแย่ก็ได้คะแนนอันนี้เช่นเดียวกัน) แต่อาจจะยากเกินความสามารถคันจุ๊ แบบที่เล่นยังไงก็ไม่ผ่านซะที คันจุ๊เซ็งก่อนจะเล่นจบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่ผู้เล่นทั่วไปควรหลีกเลี่ยง





2. คันจุ๊นั่งเล่น
 

สำหรับคะแนนนี้ผมจะให้กับเกมที่นั่งเล่นได้เนียนๆ เพลินๆ แต่บางทีไม่ได้มีแรงบันดาลใจให้เล่นจนจบ ซึ่งรวมถึงเกมแนวแปลกใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ มีระบบการเล่นที่ดี แต่อาจจะมีข้อเสียบางอย่าง เช่น ภาพไม่สวย เป็นต้น





3. คันจุ๊โชว์เมพ


มีน้อยเกมมากที่จะได้คะแนนในระดับนี้ เพราะนอกจากจะต้องเป็นเกมสุดเจ๋งแล้ว จะต้องเป็นเกมที่ผมนั่งเล่นจนจบด้วย ซึ่งบนโลกนี้มีไม่ถึง 50 เกม (ล่ะมั๊ง) โดยคะแนนจะเป็นรูปคันจุ๊ชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า และแผดเสียงหัวเราะ "กว๊า...ฮ่า ฮ่า!!"




 
    เราก็ได้เห็นทฤษฎีกันไปแล้ว คราวนี้เราลองมาดูกันบ้างว่าสามเกมที่ผมเขียนถึงก่อนหน้านี้ ได้คะแนนระดับอะไรกันบ้าง

1. Diablo (2000)



   เกม Hack & Slay ในตำนาน แต่เล่นไม่จบซะที เอาไปแค่คันจุ๊นั่งเล่นพอ


2.  Super Mario Bros. 3 (1988)



    หนึ่งในเกมที่เล่นจนจบ ถึงแม้ว่ากว่าจะจบ มาริโอจะต้องเสียชีวิตไปหลายโหลก็ตาม ได้คะแนนคันจุ๊โชว์เมพ


3. Golgo 13 (1988)


    เกมนี้ไม่ต้องพูดถึง คันจุ๊ปาจอยแน่นอน


5.04.2554

Golgo 13 (1998)

    หลังจากได้ดู Angry Video Game Nerd เล่น Golgo 13 ในวีดีโอล่าสุดแล้ว (ดูวิดีโอ I play Golgo 13 during charity event) ก็มานึกได้ว่า เกม Golgo 13 นี้ก็เป็นหนึ่งในแรนดอมไอเท็ม ที่หลงเข้ามาอยู่ในบ้านได้ยังไงไม่รู้สมัยตอนเด็กๆ ก็เลยมานั่งเขียนถึงวันนี้ดีกว่า

 พี่ดุ๊กไม่หล่อแต่เร้าใจ

    สมัยก่อนผมก็เหมือนเด็กหลายๆ คน เล่นเกมทุกเกมที่หาได้ โดยที่ไม่เกี่ยงว่าเป็นภาษาอะไร เนื้อเรื่องไม่จำเป็นต้องเข้าใจก็ได้ ขอแค่ได้เล่น อัดผู้ร้ายไปเรื่อยๆ ก็โอเคแล้ว

    ผมพึ่งจะมารู้เรื่องราวทั้งหมดเมื่อวานนี้ ที่มานั่งเล่นใหม่ (รวมกับข้อมูลจากวิกิพีเดีย) ว่า Golgo 13 เป็นเกมเกี่ยวกับ สายลับ (พี่ Duke Togo พระเอกหน้าไม่หล่อแต่เร้าใจของเรา) ที่ต้องมาสืบคดีเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ขนส่งอาวุธชีวภาพของหน่วย CIA ที่ถูกยิงตก และวัคซีนได้ถูกขโมยไป เพื่อแก้ข้อสงสัยให้ตัวเอง เนื่องจาก CIA สงสัยว่า Duke Togo (ไม่รู้จริงๆ อ่านว่าอะไร แต่ผมอ่านทูโก และนึกถึงข้าวกล่อง Easy Go ตลอด) มีความเกี่ยวพันกับ KGB และเป็นคนยิงเฮลิคอปเตอร์ตก

    ผู้หญิงในเกมน่ารักดี  :)

    พี่ดุ๊กก็เลยตามสืบคดีไปเรื่อยๆ ตัวเกมผสมผสานหลายๆ อย่าง มีทั้งการเดินไปตามฉากทางด้านข้าง (side-scrolling) แบบเกมส่วนใหญ่ยุคนั้น คอยต่อสู้กับคนร้ายไปเรื่อยๆ จากนั้นสักพักก็เปลี่ยนเป็นมุมมองเป็นเกมยิงแบบบุคคลที่หนึ่ง (first-person shooter) สักพักก็ไปขับเฮลิคอปเตอร์ยิงต่อสู้กับเครื่องบินรบ อีกเดี๋ยวก็ไปว่ายน้ำ แล้วก็มาเป็นเขาวงกตแบบบุคคลที่หนึ่งอีก
 
     ส่วนเกมนี้ก็มีความยากแบบเกมในสมัยนั้นเหมือนกัน พี่ดุ๊กมีพลังสองร้อย แต่โดนสอยทีลดครั้งละ 30 มีกระสุนจำกัด มีชีวิตเดียว ตายแล้วตายเลย แต่สามารถ continue ได้ไม่จำกัด (อันนี้ยังไม่แน่ใจนะครับ) ที่น่าแปลกใจก็คือ เกมนี้ไม่มีการเก็บไอเท็ม แต่พลังชีวิตและจำนวนกระสุนจะเพิ่มเมื่อเราจัดการศัตรูได้ ผมเล่นไปๆ ก็รู้สึกถึงความซึนเดเระของคนทำเกมว่า "เค้าน่ะไม่ได้อยากเพิ่มพลังให้หรอกนะ แต่ว่าในเมื่อกำจัดศัตรูได้ เอาพลังไปก็ได้"





เดินไปหลงไป

    เกมนี้ถ้าเป็นยุคนี้คงได้เรท 18+ เพราะว่ามีทั้งฉากลอบยิงสไนเปอร์เลือดสาด ยิงศัตรูตาย กระโดดถีบมอเตอร์ไซด์ระเบิด (ทำได้จริงๆ นะ) และยังมีฉากโป๊อีกตังหาก (มีสาวจะมา "นวด" พี่ดุ๊ก แต่มีเฉพาะในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่น ของอเมริกาจะโดนตัดฉากนี้ไป) 

ฉากบ๊ะบ๊ะโอ้บ๊ะ มีให้เห็นแค่นี้ในเวอร์ชั่นอเมริกา

     สำหรับผมนั้นหลังจากใช้ความพยายามที่จะเล่นเต็มที่ โกงโดยการลดสปีดของเกมก็แล้ว อ่านเกมแฟ็กก็แล้ว ยังทนเล่นไปได้ถึงแค่ฉากที่ 4 จากทั้งหมด 13 ฉาก เนื่องจากในฉาก 4 เริ่มจะมีเขาวงกต หาทางไปไม่ถูก เลยหมดแรงจะเล่นต่อ (ไม่ได้อู้นะเพราะเริ่มใหม่ไป 37 ครั้งแล้ว มีภาพข้างล่างเป็นหลักฐาน) เพราะฉะนั้นใครมีพยายามอยากหามาเล่นก็ลองดูนะครับ เกมนี้กราฟฟิกไม่ค่อยสวย แต่เพลงประกอบใช้ได้ สไตล์รูปแบบการเล่นหลากหลาย จนบางทีงงเลย (ผมงงอยู่นานในฉากยิงเครื่องบินฉากที่ 2 ว่า ทำลายเครื่องบินได้รึเปล่า) แต่เนื้อเรื่องน่าสนใจ ถ้าใครอยากเล่น แนะนำให้หาเกมแฟ็กมาอ่านนะครับ เพราะบางทีเดินไปเดินมา หาทางไปต่อไม่เจองงตึ๊บเลยทีเดียว

  เริ่มเล่นใหม่ไป 37 ครั้งยังไปได้ไม่ถึงไหน

    แหล่งอ้างอิง 

   
 

4.29.2554

Super Mario Bros. 3 (1988)

1. ความทรงจำหมายเลข 1

ปิดเทอมฤดูร้อนประมาณ 15 ปีก่อน


    จู่ๆ พี่ชายก็ได้เครื่องเกมแฟมิคอมพร้อมกับตลับเกมมาจากเพื่อน ผมกับพี่ชายก็เลยใช้เวลาปิดเทอมหน้าร้อนนั้นไปกับการเล่นเกมแฟมิคอม เราสองคนนั่งเล่นเกมกันบนชั้นสองของบ้านที่สุดแสนจะร้อน สิ่งที่จะช่วยบรรเทาความร้อนได้ก็มีแค่พัดลมเก่าๆ ตัวนึงที่แบ่งกันใช้ 2 คน เราต่อเครื่องแฟมิคอมเล่นกับทีวียี่ห้อเนชั่นแนลเครื่องเก่า ที่มีแค่ปุ่มกดช่อง 0-9 เพราะสมัยนั้นทุกคนเชื่อว่าการเล่นเกมกับทีวีนั้นจะทำให้ทีวีเสีย และเกมที่เราเลือกมาเล่นก็คือ เกมสุดยอดฮิตในสมัยนั้น คือ มาริโอ 3



    สมัยนั้นเราเชื่อกันว่ามาริโอ 3 นั้นเป็นสุดยอดนวัตกรรม เหมือนกับ Wii-mote หรือ Kinect สมัยนี้เลยทีเดียว เพราะ
    1. มาริโอสามารถเดินถอยหลังกลับได้ (ในขณะที่ภาค 1 และ 2 ที่ไม่ใช่มาริโออาละดิน ไม่สามารถทำได้)
    2. มีแผนที่ให้เลือกเดิน เลือกฉากที่จะเล่นได้ ไม่ใช่เป็นเส้นตรงอย่างที่เคยๆ
    3. มาริโอบินได้ (เฮ้ย!!) แปลงเป็นหิน ขว้างค้อน ว่ายน้ำโดยใส่ชุดกบ ใส่รองเท้าบู๊ท ขว้างดอกไม้ไฟ กินเห็นให้กลายเป็นตัวยักษ์ และตัวจิ๋วได้ (เอิ่ม สองอันหลังนี่ไม่ใช่แล้ว)
    4. ในเกมแต่ละฉากมีบอสเป็นลูกคุปป้า 7 ตัว แต่ละตัวคอยคุมเรือเหาะ แถมด่านสุดท้ายยังมีเจ้าคุปป้าอีก
ฯลฯ อีกมากมายนับไม่ถ้วน

    ในขณะที่พี่ชายเล่นอย่างเมามันส์นั้นเอง ผมก็มีหน้าที่ถือจอยที่สองคอยเล่นเป็นหลุยจิ แต่ก็นั่นแหละเกมที่ยิ่งใหญ่ ก็มาพร้อมกับความยากอันยิ่งใหญ่ แถมเกมสมัยก่อนก็ไม่เป็นมิตรกับผู้เล่นเหมือนยุคปัจจุบัน เกมมาริโอนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าโลกของเกมยุคก่อนมันโหดร้ายแค่ไหนเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน เรามาลองดูตัวอย่างจากบทสนทนานี้กัน


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปู่ "ทำอะไรอยู่น่ะหลานเอ๊ย"
หลาน "เล่นเกมมาริโอ 3 ในเกมบอยแอดแว๊นซ์ครับ ... โฮ่!! ตายซะแล้ว เล่นต่อเลยดีกว่า ตายซะเจ้าเต่า!"
ปู่ "โอ้ สมัยนี้มันดีเนาะ เมื่อก่อนสมัยปู่เล่นในเครื่องแฟมิคอมน่ะ พอมาริโอตายปุ๊ป ด่านที่มาริโอเคลียร์ได้หายไปหมดเลย ต้องเริ่มเล่นแผนที่นั้นใหม่หมด"
หลาน "โอ๊ะ สมานมันมาตามไปแว๊นแล้ว เดี๋ยวขอเซฟเกมก่อนนะหมาน"
ปู่ "สมัยก่อนเซฟเกมอย่างนี้ก็ไม่มี ต้องเล่นรวดเดียวให้จบ แถมเวลาฟ้าผ่า ไฟดับทีเนี่ย ต้องเริ่มเล่นใหม่หมด นอกจากนั้นยังอ่านเนื้อเรื่องไม่ออกด้วย เพราะมันเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด โอ้.. อดีตมันช่างโหดร้าย"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   เอาล่ะครับมาถึงตอนนี้แล้ว เรามาลองดูกรณีนี้กัน ถ้าเกิดนักเล่นเกมที่ฝีมือกระจอกอย่างผมและนักเล่นเกมฝีมือเทพอย่างพี่ชายนั่งเล่นด้วยกัน แล้วเกิดผมทำเกมโอเวอร์ด้วยหลุยจิ ด่านที่เล่นผ่านโดยหลุยจิทั้งหมดจะต้องเริ่มเล่นใหม่ เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็คือ อย่าเกมโอเวอร์ เพราะว่าจะทำให้เสียเวลาและถ่วงความเจริญเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับนู๊บที่รู้ตัวว่าตรูกากส์แต่ตรูอยากจะเล่น เกมมาริโอ้ 3 มีทางเลือกให้หลายทางเลือกเช่นกัน
    1. เล่นมินิเกม เปิดไพ่ หมุนสล๊อต ไปเรื่อย (แต่ทำไมมาริโอต้องยืนตูดแอ่น เวลาเข้าบ้านไปเจอเจ้าโทดหัวเห็ด)
    2. กดในตำแหน่งเดียวกับที่มาริโออยู่บนแผนที่จะเข้าสู่มินิเกม Mario Bros. เข้าไปเล่นเหยียบหัวกัน มันส์ดี

    
    3. นั่งอ่านคู่มือ หาทางลับและของลับที่ซ่อนอยู่ไปเรื่อยๆ เพลินดีเหมือนกัน
    4. ใช้ของที่ทำให้รอดแน่ๆ แล้วลองเล่น เช่น ปีกพีที่ช่วยให้บินได้ทั้งฉาก
    5. ดูคนอื่นเล่นไป พร้อมกับเด้งไปด้วยตอนมาริโอกระโดด
    6. (ข้อนี้ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง) พยายามเล่นโดยไม่ใช้ของ

2. ความทรงจำหมายเลข 2
    ผมกลับมาจากโรงเรียนตอนสิบโมงกว่ามาถึงบ้าน ปรากฏว่าเจอพี่ชายกำลังเล่นมาริโอ 3 ถึงปราสาทสุดท้ายของเจ้ามังกรคุปป้า ความคิดแว่บแรกคือ "ตอนผมอยู่ไม่เคยมาถึง สรุปแล้วผมถ่วงความเจริญใช่มั๊ย" และเป็นประจักษ์พยานเห็นเจ้าคุปป้าเหยียบอิฐก้อนสุดท้ายตกลงไปในหุบเหวมืดมิด

3. ปัจจุบันหมายเลข 1
    ผมกลับมานั่งเล่นเกมมาริโอ 3 บนเกมบอยแอดวานซ์จนจบ ได้ทำให้เจ้ามังกรโบว์เซอร์ตกลงไปในหุบเหวด้วยตัวเอง ช่วยเจ้าหญิงพีชออกจากที่คุมขัง นำความสงบสุขกลับมายังอาณาจักรเห็ด  แต่ก่อนหน้านั้นก็ทำมาริโอตายไปประมาณ 300 ชีวิต

4.27.2554

Diablo 2 (2000)


   สำหรับคนที่หลงเข้ามาก็จะบอกว่า บล็อกนี้เป็นบล็อกโชว์งานอดิเรกในเวลาว่างของผมเอง ซึ่งความคิดต้นเรื่องเกิดมาจากการที่ไม่มีเงินซื้อเกมใหม่ๆ ก็เลยนั่งเล่นเกมเก่าๆ เรื่อยไป โดยอ้างว่า "เกมเก่าๆ น่ะมันมีเสน่ห์" แต่ว่าเล่นไปเล่นไปฝีมือก็ยังกระจอกเหมือนเดิม ก็เลยรวมกันเป็น Retronoob ซึ่งแปลว่า บักกากส์นั่งเล่นแต่เกมโบราณ  
   
   วันนี้เราจะมาเริ่มต้นด้วย เกมทำลายเมาส์สุดคลาสสิกจากค่ายสุดคลาสสิก Blizzard นั่นก็คือ Diablo II นั่นเอง ซึ่งในปีนี้เกม Action RPG เกมนี้ก็มีอายุครบ 11 ปีแล้ว (เกมนี้ออกในปี 2000) ซึ่งปัจจุบันคำถามที่ทุกคนที่เคยเล่นเกมนี้ถามกันมากก็คือ เมื่อไหร่ภาค 3 มันจะออกซักทีฟะ เนื่องจากนั่งรอกันมายาวยืดหลายปีแล้ว ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวของผมก็คือ ยังไม่ออกน่ะดีแล้ว เพราะตรูยังนั่งเล่นภาค 2 ไปได้ไม่ถึงไหนเลย

   เกม Diablo 2 นี้เป็นเกมที่ผมหยิบเอามาเล่นบ่อยมาก แต่เล่นแต่ละทีไปได้ไม่ถึงไหน ที่หยิบเอามาเล่นบ่อย เพราะ ตัวเกมมันมีความง่ายกับความซับซ้อนรวมกันอยู่ ความง่ายคือ การควบคุมในการเกม แบบที่ว่า ถ้าชอบก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก กดเมาส์รัวไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ฆ่าทุกคนได้เอง (ก๊ากๆ) แต่ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถเลือกอาชีพ ใช้เวทย์มนต์ ปรับความสามารถไปเรื่อยๆ สะสมเกราะ อาวุธ ทำเควส ฯลฯ แต่ปัญหาใหญ่อย่างนึงที่ทำให้ต้องทำใจก่อนเล่นก็คือ กราฟฟิกจะเก่าไหนอ่ะ ขนาดตอนไปอ่านรีวิวเก่าๆ สมัยตอนเกมออกใหม่ๆ เค้ายังบ่นกันเรื่องภาพเลยว่า กราฟฟิกเก่าเกินไปแล้ว
  
   พูดเหมือนรู้เยอะแต่ว่ายังเล่นไปได้ไม่ถึงไหนเลยอ่ะ ล่าสุดไปได้ไกลที่สุด ไปเจอ Durial หัวหน้าของบทที่ 2 โดนพลังน้ำแข็งอัดเอา สู้ไม่ได้ตายซั่ม (ข้างล่างนี้เป็นวีดีโอของชาวบ้านที่โชว์การกำจัด Durial ในสองนาที อย่างเทพ)

   


   พอมานั่งดูวีดีโอคนอื่น เอาเกมแฟ็กมาอ่าน ก็เอิ่ม.. อืม.. ที่ผมเล่นมาทั้งหมดผมเล่นผิดมาหมดเลยนี่หน่า เล่นบาร์บาเรี่ยน ดันไปอัพสกิลพลังเวทย์มนตซะเยอะ ทั้งๆที่แทบจะไม่ได้ใช้ แถมพลังความสามารถดันเอาไปใส่ความสามารถฟันสองมือซะหมด พอมานั่งไตร่ตรองดูแล้ว ก็คิดว่าเออ มิน่าเล่นอยู่ตั้งนาน ไม่ได้ไปถึงไหนซะที เริ่มเล่นใหม่ก็ได้ฟะ และแล้วก็วนมาเป็นลูปการเริ่มเล่น Diablo 2 ครั้งใหม่ แล้วก็เล่นเป็น บาร์บาเรี่ยนเหมือนเดิม เปลี่ยนจากตัวเก่าที่ชื่อ บูบู เป็นตัวใหม่ที่ชื่อ บาบา


    กว๊า............า เล่นผ่านเควสที่ 2 ของบทที่ 1 แล้ว แล้วเมื่อไหร่จะเล่นจบเนี่ย เล่นวนไปวนมา

(อะไรนะไม่มีสาระหรอ เอาไว้คราวหน้าจะปรับปรุงแล้วกัน)

แหล่งอ้างอิง